นายตั้ม เล่าต่อว่า เมื่อเดินทางมาถึงวัด ตนจอดรถไว้หลังวัด กำลังขนของออกจากรถเพื่อไปเต็นท์หลังเวทีซึ่งอยู่หน้าโบสถ์ เต็นท์ของตนจะอยู่หน้ากุฎิเจ้าอาวาส ขณะนั้นได้พบกับพระที่เคยรู้จักกันมาก่อน เพราะเมื่อปีที่ผ่านมาพระรูปนี้เคยติดต่อขอซื้อชุดหมอลำมือสองกับตน ทำให้ได้พูดคุยราคากัน ตนจึงได้มนัสการถามไถ่กัน พระรูปนี้บอกว่าไม่ได้จำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ ตอนนี้ไปอยู่ จ.บึงกาฬ แต่มาช่วยงานวัด งานวันนี้พระมหาขวาเป็นผู้เสนอเจ้าอาวาสให้จ้างคณะตนมา และวันนี้มีงานให้ พร้อมกับชวนตนไปเล่นที่กุฎิ แต่ตนปฎิเสธเพราะต้องขนของ

นายตั้ม เล่าต่อไปว่า พอตนปฏิเสธ พระรูปนี้ก็บอกว่าไม่ต้องกลัว เพราะที่กุฎิมีพระมหาอีกรูปอยู่ และให้ตนชวนเพื่อนหมอลำไปด้วย ซึ่งตนก็ไม่ได้คิดอะไรมาก เพราะพระไม่ได้มีท่าทีแสดงออกคุกคาม และอยากได้งาน จึงเดินตามไปกุฎิติดประตูทางออกไปตลาดผ้านาข่า เมื่อไปถึงพบเป็นกุฎิ 2 ชั้นไม้ครึ่งปูน เมื่อเดินเข้าไปชั้นล่าง ก็พบพระมหา นั่งอยู่ในกุฎิแล้ว แต่พอตนไปถึงพระมหาได้เดินออกไปจากกุฎิ ไม่นานก็เดินกลับมากอดตนด้านหลัง ก่อนจะไซร้ซอกคอ พระรูปแรกก็เตรียมจะกระโจนเข้ามาจูบปาก ตนจึงบอกให้หยุด ตนไม่ได้มาทำแบบนี้ ตนมาเพราะเคารพนับถือ และปฏิเสธคำชวนไม่ได้

“พระมหาจึงเดินออกมาแล้วเดินขึ้นไปบนชั้นสอง พระรูปแรกพูดกับตนว่าขอคุยด้วยได้ไหม ซึ่งตนก็รู้ว่าต้องคิดทำมิดีมิร้ายแน่ พอตนเดินตามขึ้นไปชั้นสอง ปิดประตูทันที พระมหาก็งัดอวัยวะเพศออกมา พร้อมกับบอกว่า อมให้หน่อยจะให้มาลัย พระรูปแรกก็พูดว่า ขอหน่อยจะให้มาลัย จากนั้นก็พยายามถอดกางเกงตน ซึ่งตนได้บอกให้หยุด เพราะตนไม่ต้องการแบบนี้ จึงเดินออกมาแต่พระรูปแรกก็ เดินตามออกมา พร้อมกับบอกว่าแค่ลองใจ ตนจึงบอกว่าอย่ามาลองใจ เรื่องนี้อย่าพูดให้ใครฟัง แต่ตนเล่าให้หัวหน้าวงฟัง และทำงานต่อ”

นายตั้ม เล่าอีกว่า ช่วงที่ตนร้องเพลง พระรูปนั้นเดินทางมหาตน ซึ่งน้องพระเอก นางเอก เห็นหลายคน แต่ตนไม่ได้ออกมาพบ จากนั้นตนก็เดินสายไปทำงานต่อ และโพสต์ข้อความลงในเฟซบุ๊กส่วนตัววันที่ 16 -17 มกราคม 2567 พระมหาขาว ได้โทรมาขอโทษ บอกว่าไม่ได้ตั้งใจ อารมณชั่ววูบ และบอกให้ลบโพสต์ออก ส่วนพระมหาพูดว่า นึกว่าดิลกันแล้ว ซึ่งตนก็บอกไม่มีการตกลงแบบนั้น และพวกท่านก็ยังอยู่ในสมณเพศ ถ้าอยากทำแบบนี้ก็สึกออกมาเลย ทำให้หนำใจและอิ่มไปเลย ตนไม่อยากเป็นเปรตยืนอยู่ในวัด

ส่วนพระอาจารย์ณัฐ เจ้าอาวาสวัด เล่าว่า พระมหาทั้งสองรูปเคยอยู่ที่นี่ เพราะกำลังเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยสงฆ์แห่งหนึ่งใน จ.หนองคาย จึงมาพักอยู่ที่วัดนี้ แต่ตอนนี้พระมหาทั้งสองได้ไปจำพรรษาอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.เซกา จ.บึงกาฬ แต่ถ้าวัดมีงานพระทั้งสองรูปก็จะมาช่วยงานที่วัด แต่พฤติกรรมที่ทำกับพระเอกหมอลำพระอาจารย์ไม่เคยรู้เพราะไม่ได้เดินตามพระทั้งสองเลย

ต่อมานายตรีกวินท์ ได้เดินทางไปพบ พ.ต.ท.รุ่งศักดิ์ มหาปัญญาวงศ์ รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.นาข่า อ.เมือง จ.อุดรธานี เพื่อดำเนินคดีกับพระมหาทั้งสองรูป ในข้อหา “กระทำอนาจาร” เพื่อไม่ให้พระมหาทั้งสองไปกระทำกับบุคคลอื่น ถ้าหากเหตุการณ์แบบนี้เกิดกับเด็ก เยาวชน โดยการนำเงินมาหลอกล่อ มันก็จะเป็นการสมยอม และเชื่อว่าพระมหาทั้งสองไม่ได้ทำกับตนคนเดียว ต้องทำกับคนอื่นมาแล้ว เบื้องต้นผู้สื่อข่าวพยายามโทรศัพท์ติดต่อไปยังพระทั้ง 2 รูป แต่ก็ไม่มีการรับสายแต่อย่างใด